ประวัติวัดตราชูวนาราม จังหวัดขอนแก่น
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ นายชู-นางทิม ตราชู เป็นผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าได้ถวายที่ดินไว้ในพระพุทธศาสนา จำนวน ๓๖ ไร่ ซึ่งเดิมมีที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลศิลาและมีฐานะเป็นที่พักสงฆ์มีพระภิกษุสงม์จรมาพักแบบไม่ประจำ สภาพวัดโดยทั่วไปมีความเป็นป่า มีต้นไม้ยืนต้นเป็นหย่อม ๆ เช่น ต้นประตู่ต้นพะยอม ต้นแต้ ต้นยาง ต้นชาด ต้นกุง ข้างล่างปกคลุมไปด้วยก่อโจด ต้นเล็บแมว หญ้าคา พื้นที่บางส่วนเป็นดินทราย บางส่วนเป็นดินเอียด (ดินเค็ม) และเป็นดินร่วน
ต่อมา เมื่อ พุทธศักรา๒๕๐๗ นายโบ ตราชู บุตรคนที่ 5 ของนายชู ตราชู ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของบิดาได้เข้ามาอุปถัมภ์ โดยระยะแรกได้สร้างกุฏิไม้ จำนวน ๘ หลัง มีลักษณะยกพื้นสูงประมาณเมตร สร้างด้วยไม้ หลังคามุงด้วยสังกะสี มีรั้วรอบขอบชิดอย่างชัดเจน ซึ่งถือว่า เป็นปีการก่อตั้งวัดเป็นทางการตั้งแต่บัดนั้น และได้นิมนต์พระสงฆ์มาจำพรรษา แต่ก็ยังไม่มั่นคง เนื่องจากพระสงมในสมัยนั้นมีความนิยมในธุดงควัตร จรไป เรื่อย ๆ จึงไม่ค่อยจะอยู่กับที่อย่างถาวร แต่เท่าที่ทราบ ประมาณ พุทธศักราช ๒๕๐๓-๒๕๐๖ มีเจ้าอาวาสชื่อพระมหาสัมฤทธิ์ไม่ทราบฉายา เป็นเจ้าอาวาสได้ระยะหนึ่ง และหลังจากนั้น มีหลวงพ่ออ่อน ชาครธมฺโม ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส แต่ไม่ปรากฏว่า ทั้ง ๒ รูปได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ (ไม่มีตราตั้ง)
ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ พระครูพิทักษ์สารเขต (จวง บนุติโก) ได้ไปนิมนต์หลวงปู่พระครูอดุลสารนิเทศ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดจอมครี บ้านกุดพังทุย อำเภอน้ำพง จังหวัดขอนแก่น มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลศิลา เขต ๒ เนื่องจากขณะที่ตั้งของวัดอยู่ในเขตตำบลศิลา และ ต่อมาเทศบาลเมืองบอนแก่นได้ขยายเขตออกไป วัดจึงเปลี่ยนที่ตั้งมาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น (ปัจจุบัน มีฐานะเป็นเทศบาลนครขอนแก่น) ตำบลในเมืองโดยอัตโนมัติ วัดจึงมีที่ตั้ง เลขที่ ๒ บ้านหนองแวง ถนน มิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เดิมมีชื่อว่า “วัดสว่างตราชู” และมีสถานะเป็นวัดราษฎร์ต่อมาได้ดำเนินการขอเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดตราชูวนาราม” ภายในปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ นั้นเอง โดยยังคงคำว่า “ตราชู”ไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นเกียรติประวัติแก่วงค์ตระกูลของผู้ถวายที่ดินให้สร้างวัด ดั้งนั้น จึงมีชื่อเรียกบานเป็นทางการว่า “วัดตราชูวนาราม” มาจนถึงทุกวันนี้ และมีชื่อที่ชาวบ้านมักเรียกติดปากว่า “วัดหนองแวงตราชู” จนบัดนี้เช่นกัน
นับจากปีที่หลวงปู่พระครูอดุลสารนิเทศเข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส การบริหารงานภายในวัดก็เริ่มขับเคลื่อนทุกงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านการศึกษา ได้มีการจัดการศึกษาทั้งแผนกธรรมะ-บาลี และมีโรงเรียนประชาบาลมาตั้งอยู่ภายในวัด โดยอาศัยศาลาวัดเป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน ซึ่งต่อมาคณะครูได้ขอแบ่งที่วัดเพื่อแบ่งสร้างเป็นโรงเรียนเป็นเอกเทศต่างหาก หลวงปู่จึงแบ่งที่ด้านทิศตะวันตกซึ่งมากพอสมควรให้เป็นที่สร้างโรงเรียน ซึ่งก็คือโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวงในปัจจุบัน และในเวลาใกล้เคียงกันนั้น รัฐบาล มีนโยบายขยายถนนออกกว้างมากินที่วัด ประมาณ ๒-๓ ไร่ จึงถูกเวนคืน ทำให้เนื้อที่วัดลดน้อยลงเกินครึ่งคงเหลือเนื้อที่ เพียง ๑๐ ไร่ ๓ งาน ๒๕ ๗ ส่วน ๑๐ ตารางวาตามที่ปรากฏในโฉนดที่ดิน เลขที่ ๑๙๔๑๐๕ เลขที่ดิน ๕๔๖ เล่ม ๑๙๔๑ หน้าที่ ๕ ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองแวง เลขที่ ๒ ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอ เมือง จังหวัด ขอนแก่น ออกโฉนด เมื่อวันที่ ๔ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘ โดยมีขอบเขตของที่ดิน ด้านทิศตะวันออกจรดโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองแวง บ้านหนองแวง ด้านทิศตะวันตกจรดถนน มิตรภาพสายขอนแก่น – อุดรฯ ด้านทิศเหนือ จรดหมู่บ้าน ธ พัทยา ด้านทิศใต้จรดถนนสาธารณะ
ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ ได้รับพระราชทานวิสุงคาม สีมาดังประกาศสำนักนายกรัฐตรีเรื่อง พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๗ เดือน มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ กำหนดเขต กว้าง ๔๐ เมตรยาว ๘๐ เมตร แต่ชื่อวัดในประกาศกลับปรากฏชื่อว่า “ดุลยธรรมาราม” ซึ่งสันนิษฐานว่า สมัยนั้น หลวงปู่ได้ฝากเรื่องกับพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในขณะนั้นโดยไม่มีลายลักษณ์อักษร พอกลับไปถึงกรุงเทพฯ ก็ลืมชื่อวัด จึงตั้งชื่อวัดใหม่ โดยเอาชื่อหลวงปู่นำหน้าบวกเข้ากับคำว่า “ธรรมาราม” จึงมีชื่อว่า “อดุลยธรรมาราม” ดังที่ปรากฏในประกาศ แต่อย่างไรก็ตาม วัด”อดุลยธรรมาราม” ในประกาศก็ คือ “วัดตราชูวนาราม” นั่นเอง หลังจากนั้น หลวงปีได้รีเริ่มสร้างโรงอุโบสถ์ ๒ ชั้น และในปีพทธศักราช ๒๕๑๔ ได้มีนายตำรวจท่านหนึ่งตระกูลปฏิพิมพาคมมีจิตรศรัทธาสร้างกฏิถวาย ๑ หลัง มีลักษณะเป็นกุฏิ ๒ ชั้น ทรงไทยประยุกต์สร้างด้วยอิฐถือปูนหลังคามุงด้วยกระเบื้อง ซึ่งก็คือกุฏิเจ้าอาวาสหลังปัจจุบันนั่นเอง
การก่อสร้างอุโบสถได้ดำเนินมาจนถึงพุทธศักราช ๒๕๓๒ และได้กำหนดการฉลองในปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ แต่ในระหว่างที่กำลังเตรียมการฉลองอยู่นั้น หลวงปู่พระครูอดุลสารนิเทศ เจ้าอาวาส ได้อาพาธฉับพลันและได้ถึงแก่มรณภาพลง ในวันที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๒ ทางการคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งพระครูอดุลสีลาภรณ์ (สมพร สีสว์โส) ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาสและเจ้าคณะตำบลศิลา เขต ๒ แทนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
วัดได้รับการรับรองสภาพวัดได้รับหนังรับรองสภาพวัด ที่ ก.๐๐๓๔๔๕ ออกให้โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น และลงนามโดยนายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น (แทน ฉบับเดิม) ให้ ไว้ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
ลำดับเจ้าอาวาส
พ.ศ. ๒๔๘๑-๒๕๐๖ ไม่ปรากฏชื่อเจ้าอาวาส
พ.ศ. ๒๕๐๗-๒๕๓๐ พระครูอดุลสารนิเทศ (พุฒ กนุตสาโร)
พ.ศ. ๒๕๓๑- ปัจจุบัน ดร.พระครูอดุลสีลาภรณ์ (สมพร สีสวิโส)